มีพี่ๆสอบถามกันเข้ามาค่อนข้างเยอะ เกี่ยวกับตัวจับน้ำฝน ว่าทำไมถึงไม่ขาย ... ? ทั้งที่เครื่องบางรุ่นสามารถติดตั้ง Rain Sensor ได้
พี่ๆที่ิติดตามมาเเต่เเรก จะรู้ว่าสินค้าทุกชิ้นที่เอามาขาย ผมจะทดลองใช้เองก่อน ผมรู้ตัวว่าเป็นคนค่อนข้างเยอะ ถ้ารู้สึกว่ามันมีอะไรที่ไม่ถูกใจ ผมก็ไม่เอามาขาย อะไรที่คิดว่าดี ราคาเหมาะสมถึงจะเอามาขาย
สำหรับ Rain Sensor ผมมีเหตุผลอยู่สองสามข้อที่รู้สึกขัดใจหลังจากใช้งาน
1. ราคา : Rain Sensor ใครเครื่องตั้งเวลาระบบถ่านจะเป็นเเบบ Analog เกือบทั้งหมด เพราะมันจะทนกว่าเเบบดิจิตอล(ในราคาที่เท่ากัน)
ดิจิตอลแบบดีดีทนๆ ราคาก็เเพง บางรุ่นเเพงกว่าตัวเครื่องตั้งเวลารดน้ำที่เราขายซะงั้น
2. ไม่จำเป็นสำหรับเมืองไทย : ... ประเทศไทยฤดูต่างๆค่อนข้างเเน่นอน หน้าร้อน หน้าฝน หน้าหนาว(ส่วนภาคใต้ก็ ร้อน ฝน มรสุม)
(Credit รูปภาพ : สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ)
ไม่เเปรปรวนเหมือน ยุโรป ที่สภาพอากาศคาดเดาไม่ได้วันหนึ่งคุณอาจจะเจอทั้ง ฝน เเดด หิมะ .. ที่นี้เมืองไทยคุณพอจะคาดเดาได้ว่าฤดูไหนคุณจะตั้งเวลายังไง หน้าฝน คุณก็อาจจะลดปริมาณการปล่อยน้ำจากวันละ 10 นาที เหลือ 3 นาที หากมีพายุเข้าช่วงไหน คุณก็ปิดวาล์วที่ก๊อกน้ำได้ พายุหาย เปิดก๊อกปล่อยเครื่องทำงานต่อ
3. อายุการใช้งาน : เเดดเมืองไทย ... นี้น้องๆทะเลทรายเลย วัสดุของ Sensor จับน้ำฝน ตัวครอบทำจากพลาสติก
ด้านในมีเเผงวงจรไฟฟ้า เเละ ยางสังเคราะห์ ที่จะขยายตัวขึ้นเมือโดนน้ำ
(ด้านบนยางสังเคราะห์โดนน้ำขยายตัว หากเเห้งก็จะหดกลับมาเหมือนด้านล่าง)
เเละถ้าจะให้ได้ผลดีต้องติดตั้งกลางเเจ้ง.. ผมเคยวัดอุณหภูมิพื้นผิวในหน้าร้อนตอนเที่ยง อุณภูมิสะสมบนพื้นผิว 69องศาเซลเซียส!!! ในขณะที่พยากรอากาศเเจ้งว่า วันนี้อุณหภูมิอยู่ที่ 41 องศาเซลเซียส
วงจรเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดในปัจจุบันทั่วไป ถ้าไม่นับของ NASA หรือ ของนักวิทยาศาสตร์ที่เอาไว้สำรวจป่องภูเขาไฟ ไม่ควรใช้งานในอุณหภูมิเกิน 60c หากมีถ่าน หรือ เเบตเตอรี่ ก็ไม่ควรเกิน 40c เพราะจะทำให้เเบตเสื่อมไว อย่างมือถือ i-phone หากอุณหภูมิิสูงกว่า 45c เครื่องจะเเจ้งเตือนบนหน้าจอโทรศัพท์
อุณหภูมิของเครื่องใช้ไฟฟ้าปกติอยู่ที่ 5 - 35องศาเซลเซียส การที่เอาเเผงวงจรไปติดกลางเเดดเมืองไทย เหมือนเป็นการฆาตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่เกินปี "พัง"
ถ้าถามว่า Rain Sensor จำเป็นมั้ย ...
"ผมคิดว่ามันยังไม่จำเป็นสำหรับเมืองไทย"
ถ้าให้เเนะนำ ปรับตั้งค่าเครื่องตั้งเวลาตามฤดูกาลดูจะเหมาะสม เเละ ประหยัดกว่า เช่นหน้าฝนก็ปรับโปรเเกรมตั้งค่าการรดน้ำให้น้อยลง ถ้าพายุเข้าก็ปิดก๊อก หน้าร้อนก็เพิ่มระยะเวลาในการให้น้ำ ตั้งค่าปีละ 2 ครั้ง พร้อมเปลี่ยนถ่านไปในตัว คงไม่ลำบากเกินไป
เรายังมีบทความอื่นๆที่น่าสนใจอีก... เพียบ
อ่านเพิ่มเติม "ฟรี" ได้ที่ www.watertimerreview.com/b/65
-๐-
"บทความทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของ WaterTimerReview.com ไม่อนุญาตให้ทำการคัดลอกไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้า เเต่ยินดีถ้า "เเชร์" เพื่อนำข้อมูลไปใช้สำหรับการศึกษาให้เป็นประโยชน์กับชุมชน เเละ สังคม"
(หากนำข้อมูลไปใช้อ้างอิงรบกวนช่วยให้เครดิตเวปด้วยนะครับ)
แนะนำ ส่วนบทความอื่นที่น่าสนใจ
แนะนำเดินระบบรดน้ำต้นไม้ ด้วยตัวเอง (สำหรับมือใหม่) : www.watertimerreview.com/article/109
วิธีคำนวณหัวพ่นจ่ายน้ำ สำหรับบ้านเรือน : www.watertimerreview.com/article/93
เเนะนำการเดินท่อPE สำหรับวางระบบน้ำ : www.watertimerreview.com/article/69
การเดินระบบสปริงเกอร์ Pop Up สำหรับบ้านเรือน : www.watertimerreview.com/article/92
เดินระบบหัวพ่นหมอก ลดความร้อน กรองฝุ่น ด้วยตัวเอง : www.watertimerreview.com/article/35
ระบบน้ำหยด(ท่อไมโคร PE 4มม) เหมาะพื้นที่เล็กๆ : www.watertimerreview.com/article/90
วิธีต่อพวงก๊อกน้ำ แบบไม่ต้องตัดท่อ PVC : www.watertimerreview.com/article/27
เเนะนำกรองเกษตร(กรองตะกอน) : www.watertimerreview.com/article/31
---
บทความเกี่ยวกับหัวพ่นหมอก
แนะนำหัวพ่นหมอกแต่ละประเภท : www.watertimerreview.com/article/101
เลือกหัวพ่นหมอกสำหรับลดฝุ่น : www.watertimerreview.com/article/107
พ่นหมอกยังไงไม่ให้พื้นเปียก : www.watertimerreview.com/article/106
แนะนำการเลือกซื้อชุดปั๊มพ่นหมอก : www.watertimerreview.com/article/120
ตอบทุกข้อความ แต่อาจจะตอบกลับช้าหน่อยนะครับ
(10.00น. – 22.30น.) ขอบคุณครับ _/\_