การเลือกใช้พ่นหมอก เพื่อลดฝุ่น
ช่วงนี้มีลูกค้าหลายท่านสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการพ่นหมอกเพื่อลดฝุ่น PM2.5
จากปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 ที่กำลังอาละวาดในหลายประเทศ ... ก่อปัญหาสุขภาพให้กับประชาชน
ภาครัฐได้พยายามทำการเเก้ไขลดฝุ่นควันโดยการฉีดน้ำ รวมถึงการควบคุมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น
เเต่ปัญหาก็ยังไม่ทุเลาลง เเละ บางครั้งก็เกิดผลกระทบอื่นที่ตามมา มีการประเมินว่าหากฝนไม่ตกหนัก
ปัญหาฝุ่นก็จะอาจจะยาวไปถึงหน้าฝนเลยทีเดียว :(
(Credit ภาพ : LINE Today)
การเเก้ไขปัญหาฝุ่นควันในระยะยาว ที่ดีเเละ คุ้มค่าที่สุดคือ การปลูกต้นไม้ เพื่อช่วยกรองอากาศ สร้างออกซิเจน
เเต่ในเมื่อชีวิตไม่ใช่เกม Sim City ที่คิดจะทำอะไรได้ตามใจ การบรรเทาที่คนทั่วไปอย่างเราๆพอจะทำได้
ก็คือจะพ่นละอองน้ำเพื่อดักจับฝุ่นในอากาศ ถือว่าเป็นวิธีที่สามารถช่วยลดฝุ่นในอากาศได้ดีในพื้นที่จำกัด
ถึงจะเป็นการเเก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เเต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไร เเละ ประโยชน์อีกทางคือ สามารถเพิ่มความชื้น ลดความร้อนรอบๆบริเวณบ้านได้
เเต่ถ้าจะให้ดี พอจะมีพื้นที่ เราอาจจะทำสวนมอส เฟริน์ เพื่อใช้ประโยชน์จากความชื้น เเละ น้ำที่ใช้ในการพ่นหมอกเพื่อลดฝุ่นได้เช่นกันครับ
อากาศชื้นจะทำให้ฝุ่นตกลงสู่พื้นได้ไวขึ้น เเละ มอส ก็สามารถจัดการพวกฝุ่นได้ดี ถือว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศให้กับบ้านคุณได้อย่างดีเลย
ถ้าจะลดฝุ่นด้วยการพ่นน้ำ จะได้ผลดีที่สุดคืออัดน้ำให้เป็นละอองเล็ก เพื่อดักจับฝุ่นในอากาศได้ดีกว่าการฉีดน้ำเเบบที่ทำกัน
หัวพ่นหมอกทุกรุ่น สามารถช่วยลดฝุ่นได้
มีหลายรุ่น ตามราคา เเละ คุณภาพ สามารถเลือกซื้อได้ตามงบประมาณเเละความต้องการ
ที่สำคัญคือ น้ำต้องมีเเรงดันมากพอที่จะอัดกลายเป็นละอองตอนพ่นออกมา
เเละปริมาณน้ำก็ต้องเพียงพอกับหัวพ่นที่ใช้
เเรงดันสำหรับหัวพ่นที่ดีคือมากกว่า 2bar สำหรับหัวเเบบพลาสติก 
เเรงดันน้ำประปาทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1.5bar ก็สามารถใช้ได้
เเต่ละอองน้ำจะมีขนาดใหญ่อาจไม่เป็นละอองที่สามารถลอยอยู่ในอากาศได้
หัวพ่นเเบบพลาสติก มีหลายรุ่น หลายเเบบ ความละเอียดส่วนใหญ่จะมากกว่า 0.6มม
หัวประเภทนี้ ละอองจะยังคงมีขนาดใหญ่ ทำให้ละออกงน้ำตกถึงพื้นไว ทำให้พื้นเปียก เเละ ใช้น้ำมาก
ถ้าหากไม่ซีเรียสเรื่องพื้นเปียก เเละ ใช้น้ำเยอะ หัวพ่นประเภทนี้มีราคาถูก
แต่ในระยะยาว การใช้หัวพ่นประเภทนี้เสียค่าน้ำมาก เเละ หากเปิดนานก็จะมีปัญหาเรื่องน้ำท่วมขัง จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
VDO ตัวอย่างหัวพ่นหมอกแบบพลาสติก (ใช้ปั๊มอัตโนมัติ Hitachi 350W)
(รายละเอียดชุดต่อขยายหัวพ่นหมอก : https://www.watertimerreview.com/p/86)
ถ้าถามว่ามีดีกว่านี้รึเปล่า .... คำตอบคือ "มี" เเต่ราคาก็จะสูงขึ้น
หัวพ่นอีกเเบบ คือ หัวพ่นหมอกที่สร้างละออกได้เล็กมาก มักทำจากสแตนเลส 
หัวพ่นหมอกประเภทนี้จะทนทาน เเละละอองน้ำที่ได้เล็กมาก น้อยกว่า <0.3มม
ใช้น้ำน้อย ละอองเล็ก ลอยตัวในอากาศได้นาน หากติดตั้งภายนอก อากาศถ่ายเทสะดวกพื้นจะไม่เปียก
สำหรับการพ่นหมอกเพื่อลดฝุ่น ทางร้านเเนะนำขนาด 0.3mm ละอองยังมีขนาดเล็กพอที่จะลอยตัวในอากาศ
เเละ มีรัศมี รวมถึงความฟุ้งของละอองที่กว้างกว่าเเบบอื่น
หัวพ่นประเภทควรใช้กับน้ำที่มีเเรงดันมากกว่า 5bar ซึ่งปั๊มบ้านทั่วไปเเรงดันไม่ถึง
(ปั๊มบ้านก็สามารถใช้ได้ เเต่จะไม่เต็มประสิทธิภาพของหัวพ่น)
VDO ตัวอย่างหัวพ่นหมอกสแตนเลสที่ใช้กับปั๊มเเรงดันต่ำ
(รายละเอียดชุดปั๊มพ่นหมอก : https://www.watertimerreview.com/p/127)
ข้อเสียของหัวพ่นประเภทนี้คือ ราคาสูงกว่าแบบพลาสติก เเต่เเน่นอนว่าคุณภาพก็ดีกว่าเยอะ
ติดหัวพ่นหมอกอย่างไร ไม่ให้พื้นเปียก? สาเหตุที่ทำให้พื้นเปียก มี 2 ปัจจัยหลักๆ
1. ละอองน้ำมีขนาดใหญ่ ทำตกสู่พื้นรวดเร็ว ซึงมักจะพบได้ในกรณีใช้หัวพ่นพลาสติกที่ความละเอียดมากกว่า 0.6mm
2. ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูง ทำให้การระเหยของละอองน้ำในอากาศเมื่่อน้อยลง เเละ เมื่อความชื้นในอากาศมีสูงมากก็จะควบเเน่น เกาะตัวเเล้วตกสู่พื้น ได้เช่นกัน
หากไม่ต้องการให้พื้นเปียก
1. เลือกหัวพ่นที่มีขนาดเล็ก(<0.3mm) ละอองที่ออกมาก็จะละเอียด มีปริมาณน้ำน้อย เบา ทำให้ลอยตัวในอากาศได้ดี เเละ ระเหยในอากาศได้ไว
2. เว้นระยะห่างของหัวพ่นให้เหมาะสมกับหน้างาน อย่าให้รัศมีการพ่นของละอองพ่นโดนกัน เพราะจะจับตัวกันเเล้วตกสู่พื้น
3. ติดตั้งให้สูงจากพื้นให้เหมาะสม เพื่อให้ละอองน้ำระเหยก่อนตกสู่พื้น หัวพ่นขนาด 0.3mm รัศมีการพ่นอยู่ที่ 1 - 1.5เมตร ปกติเเล้วหากติดตั้งภายนอกอาคาร ที่ระยะห่าง 1.5 เมตร สูงมากกว่า 2.5 เมตร ละอองจะระเหยในอากาศหมดก่อนตกถึงพื้น
4. เว้นระยะเวลาเปิดปิดให้เหมาะสม หากพ่นหมอกเป็นเวลาหรือ ถี่เกินไป ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศก็จะสูงขึ้น การระเหยขอละอองต่ำลง การควบเเน่นจับตัวได้ง่ายขึ้น การใช้ Timer กำหนดเวลาช่วยเปิดปิด ช่วยได้
5. ติดตั้งในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ภายนอกอาคาร ไม่เเนะนำให้ติดภายในอาคาร
สรุป ถ้ากลัวพื้นเปียก
ให้เลือกหัวพ่นที่ความละเอียดเล็กที่สุด 0.1mm
ติดตั้งในที่อากาศถ่ายเทสะดวก ควรติดให้สูงจากพื้น 3 เมตร เว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 1.5เมตร
หากความชื้นในอากาศมีสูง ตั้งเวลาเปิดปิด ให้เหมาะสมกับหน้างาน
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกซื้ออุปกรณ์ไม่มากก็น้อยนะครับ
ยังไงช่วงนี้ก็งดกิจกรรมกลางเเจ้ง หากจำเป็นต้องออกบ้านก็หาอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นควันกันด้วยนะครับ
แนะนำ ส่วนบทความอื่นที่น่าสนใจ
แนะนำเดินระบบรดน้ำต้นไม้ ด้วยตัวเอง (สำหรับมือใหม่) : www.watertimerreview.com/article/109
วิธีคำนวณหัวพ่นจ่ายน้ำ สำหรับบ้านเรือน : www.watertimerreview.com/article/93
เเนะนำการเดินท่อPE สำหรับวางระบบน้ำ : www.watertimerreview.com/article/69
การเดินระบบสปริงเกอร์ Pop Up สำหรับบ้านเรือน : www.watertimerreview.com/article/92
เดินระบบหัวพ่นหมอก ลดความร้อน กรองฝุ่น ด้วยตัวเอง : www.watertimerreview.com/article/35
ระบบน้ำหยด(ท่อไมโคร PE 4มม) เหมาะพื้นที่เล็กๆ : www.watertimerreview.com/article/90
วิธีต่อพวงก๊อกน้ำ แบบไม่ต้องตัดท่อ PVC : www.watertimerreview.com/article/27
เเนะนำกรองเกษตร(กรองตะกอน) : www.watertimerreview.com/article/31
---
บทความเกี่ยวกับหัวพ่นหมอก
แนะนำหัวพ่นหมอกแต่ละประเภท : www.watertimerreview.com/article/101
เลือกหัวพ่นหมอกสำหรับลดฝุ่น : www.watertimerreview.com/article/107
พ่นหมอกยังไงไม่ให้พื้นเปียก : www.watertimerreview.com/article/106
แนะนำการเลือกซื้อชุดปั๊มพ่นหมอก : www.watertimerreview.com/article/120
---
บอลวาล์ว กับ โซลินอยวาล์ว : www.watertimerreview.com/article/87
การติดตั้งเครื่องตั้งเวลาที่เหมาะสม : www.watertimerreview.com/article/50
วิธีติดตั้งเครื่องตั้งเวลารดน้ำสำเร็จรูป : www.watertimerreview.com/article/43
หากต้องการคำเเนะนำเกี่ยวกับสินค้า
ติดต่อ Line : @watertimer (มี @ นำหน้าด้วยนะครับ)
เครื่องตั้งเวลารดน้ำต้นไม้ อุปกรณ์ดูแลสวน
