Rain Sensor จำเป็นมั้ย ?
Rain Sensor หรือ อุปกรณ์ตรวจจับน้ำฝน .. มักเป็นอีกอุปกรณ์เสริมที่มักขายพร้อมกับเครื่องตั้งเวลารดน้ำ
หลายคนถามว่า ทำไมทางร้านไม่นำมาขายสักที มีเครื่องตั้งเวลาหลายรุ่น ที่รองรับอุปกรณ์ตรวจจับน้ำฝน ทั้งระบบถ่าน เเละ ไฟฟ้า
ทางร้านก็ได้เเต่ตอบว่า มันไม่เหมาะกับบ้านเราเท่าไร เเต่ก็ไม่เคยลงรายละเอียดให้ชัดเจน
วันนี้นี้เลยจะมาเเชร์กันว่า ทำไม ทางร้านถึงไม่นำ Rain Sensor มาขาย เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนหาซื้อมาใช้นะครับ
อ่านจบ ตัดสินใจกันเอาเองนะครับ ... นี้เป็นเพียงมุมมองของทางร้านต่อ Rain Sensor เเชร์มุมมองเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเท่านั้นครับ
...
สรุปสั้นๆ (รายละเอียด อ่านต่อได้ด้านล่างครับ)
- ประเทศไทย มีฤดูกาลที่ค่อนข้างชัดเจน สภาพอากาศไม่เเปรปรวน การปรับระยะเวลาที่ตัวเครื่องทำได้ง่าย
- บ้านเรือนทั่วไป คิดคำนวณสักนิด ก่อนจะติด Rain Sensor ว่ามันช่วยประหยัดได้จริงรึเปล่า
- สวนใหญ่ๆ มักมีคนงานเฝ้า การตั้งค่าโดยปรับที่ Water Budget ตามช่วงเวลาทำได้ง่ายมาก ปรับได้ตามสภาพอากาศหน้างาน
- ผักที่มีความอ่อนไหวต่อปริมาณน้ำ มักจะปลูกกันในโรงเรือน(ระบบปิด) ไม่โดนฝนอยู่เเล้ว เค้าจะใช้วัดตัวความชื้นในดินแทน
- พยากรณ์อากาศ พัฒนาไปมาก ถ้าไม่มั่นใจของไทย ก็ลองดูเวป หรือ App ระบุพื้นที่ของเราเข้าไป ผมใช้ App: AccuWeather ค่อนข้างเเม่นยำ
...
5 เหตุผล ที่ควรคิด ก่อนตัดสินใจ ซื้อ Rain Sensor ...
1. ประเทศไทย มีฤดูกาลที่ชัดเจน : ฤดูร้อน ฤดูหนาว ฤดูฝน (ยกเว้นภาคใต้) .. ปรับลดเวลารดน้ำที่ตัวเครื่องตั้งเวลาเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม เกินจำเป็น
ข้อมูลจาก กรมอุตุนิยมวิทยา ณ วันที่ 17 พค 2562
จากตารางรูปภาพ จะเห็นว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่หน้าฝน เดือน ปลายเดือนพฤษาคม
เเละ ฝนจะทิ้งช่วงตอนปลายมิถุนายน จนถึง กลางกรกฎาคม
หลังจากนั้นจะมีฝนตกหนาเเน่น สิงหา - กันยา พอตุลาคม อากาศหนาวก็จะเข้ามาเเทน ไล่จากเหนือลงใต้
ประเทศไทยจะสิ้นสุดฤดูฝน กลางเดือน ตุลาคม 2562 ....
ถ้านับดู ฤดูฝนกินเวลา 6 เดือน เเต่ฝนตกจริงจัง ประมาณ 4-5 เดือน ใน 1ปี
ลองมาดูสถิตค่าเฉลี่ย 30ปีย้อนหลัง(ปี2524-2553) กันต่อเพื่อดูว่า ปริมาณน้ำฝนนอกฤดูฝนเป็นไงบ้าง
ข้อมูลจาก th.wikipedia.org-wiki-ภูมิอากาศไทย-ฤดูฝน
จะเห็นได้ว่า ปริมาณน้ำฝนส่วนใหญ่อยู่ในช่วงฤดูฝน ทำให้เราประมาณการ ตั้งโปรเเกรมไว้ได้
ฺNote :
ปกติทางร้านจะปรับลดเวลาจ่ายน้ำได้ตั้งเเต่เดือน มิถุนายน - กันยายน (4เดือน) ลดเวลาให้น้ำลง 50 - 70% เเล้วเเต่ปี
หากช่วงไหนพายุเข้าก็ปิดงดจ่ายน้ำในช่วงนั้น
2. Rain Sensor จะนิยมใช้ในประเทศที่สภาพอากาศแปรปรวน คาดเดายาก
พื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ที่มักได้รับอิทธิพลน้ำฝนที่ลมพัดหอบมาขึ้นฝั่ง เช่น กลุ่มประเทศยุโรปที่ติดทะเล
โดยในหนึ่งวันคุณอาจจะเจอทั้ง ฝน ร้อน เเละ หนาว คล้ายๆภาคใต้บ้านเรา เเต่เเปรปรวนหนักกว่า
ยกตัวอย่าง สถิติ ปริมาณน้ำ / ค่าเฉลี่ยวันที่ฝนตก ประเทศอังกฤษ ปี 2561(คศ.2018)
ข้อมูลจาก weather-and-climate.com/average-monthly-Rainfall-Temperature-Sunshine,London,United-Kingdom
จะเห็นว่าค่าเฉลี่ยประมาณน้ำฝน(รวมหิมะ) เเละ จำนวนวันที่ฝนตก เฉลี่ย ทั้งปี อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
ประเทศที่มีลักษณะอย่างนี้ Rain Sensor จะมีบทบาท เพราะคาดเดาไม่ได้ว่าวันไหนฝนจะตก
จะมานั้งปรับ เปิดปิดเครื่องตั้งเวลาทุกวันก็ลำบากไป
3. อายุการใช้งานของ Rain Sensor กับ สภาพอากาศบ้านเรา : อุปกรณ์ตรวจจับน้ำฝน มีหลายเเบบ หลายยี่ห้อ หลายราคา
สามารถเลือกได้ว่าจะเอา แบบมีสาย แบบไร้สาย สีสัน หน้าตา ก็มีให้เลือกเพียบ
โดยหลักๆจะมี 2 แบบ 1.วัดปริมาณน้ำฝน 2.แบบวัดความชื้น(ในดิน) ที่นิยมกันจะเป็นตัววัดปริมาณน้ำฝน
ตัวอย่างรูป อุปกรณ์ตรวจจับน้ำฝน / ราคา (แบบมีสาย รุ่นยอดนิยม)
ข้อมูลจาก google.com/search?q=rain+sensor (ขออนุญาตปิดชื่อยี่ห้อนะครับ)
ราคาเฉลี่ย ก็จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 - 2,500 บาท
จุดที่ติดตั้ง Rain Sensor คือ ต้องติดในจุดที่โล่งเเจ้ง ไม่มีอะไรบัง
เพื่อให้อุปกรณ์รับน้ำฝน เเละ คลายความชื้นใกล้เคียงกับความจริง
ปัญหาคือ พอนำมาติดตั้งกลางเเจ้ง ความร้อนของเเดดเมืองไทย ทำให้อุปกรณ์เสื่อมไวเวอร์
โดยเฉพาะ เเผ่นยางสังเคราะห์ ที่เป็นพระเอก ตัวหลักในกลไก (เกิน 80% ยังใช้กลไกนี้)
เเผ่นสังเคราะห์จะขยายตัวเมือโดนน้ำ บวมขึ้น เเละ จะหดตัวเมื่อเเห้ง เพื่อไปดันสวิสต์ตัดการทำงานของ Timer
ทางร้านทดสอบ ติดตั้ง พฤษาคม 2558 ผ่านฝนเเรกไม่มีปัญหา
พอผ่านหน้าร้อนปี 2559 ยังใช้ได้ เเต่ไม่เสถียร
อาการที่พบ คือ ตัวเครื่องเริ่มเสื่อมสภาพ ยางเเข็งตัว
สรุป ปีต่อมาก็กลับมาปรับเวลาตั้งค่าที่ตัวเครื่องเหมือนเดิม ง่ายกว่า ไม่ต้องลุ้น
Note : หากจะใช้งานให้คุ้มค่าที่สุด หมดหน้าฝน นำลงมาเก็บ ไม่ต้องเอาไปตากเเดดตากฝน จะช่วยยืดอายุการใช้งาน
4. ความคุ้มค่า : หากพื้นที่เล็กไม่คุ้ม พื้นที่ใหญ่ๆถึงจะคุ้ม ลองคำนวณกันดูก่อนตัดสินใจซื้อ
ลองคำนวณกันว่า ถ้าเราไม่ติด Rain Sensor คือไม่ว่าจะฤดูไหนตั้งค่ารดน้ำเหมือนเดิม ตั้งเวลาครั้งเดียวจบ
โดยปกติท่อประปาส่วนใหญ่จะใช้ท่อขนาด 1/2" ซึ่งอัตราการไหลจะอยู่ที่ประมาณ 1,400 ลิตร ต่อ ชั่วโมง หรือ 23.3 ลิตร ต่อนาที
ข้อมูลจาก : Super Product
บ้านเดียวพื้นที่ 100 ตรว จะใช้เวลารดน้ำต้นไม้ รวมสนามหญ้าเเล้ว ประมาณ 5-10 นาทีต่อวัน
ถ้าคำนวณว่าเรารดน้ำวันละ 10นาที x 23.3ลิตร = 233 ลิตร ต่อวัน
หนึ่งเดือน(30วัน) เราจะใช้น้ำในการรดน้ำ = 6,990 ลิตร ต่อ เดือน (ตีเต็มไปเป็น 7 คิว)
ตารางอัตราค่าน้ำ การประปาส่วนภูมิภาคจะเเพงกว่า การประปานครหลวง เลยใช้ตัวนี้อ้างอิงตอนคำนวณนะครับ
ข้อมูลจาก pwa.co.th/contents/service/table-price
ค่าน้ำหน่วยละ 10.20 บาท x 7คิว= 71 บาท ต่อเดือน
ปกติหน้าฝนเราจะปรับลดเวลาการให้น้ำลงอย่างน้อย 50% = 71หาร2 = 35.2 บาทต่อเดือน
ถ้าเราติด Rain Sensor เราน่าจะประหยัดค่าน้ำไป 35 บาท ต่อเดือน
ถ้าอุปกรณ์ตรวจวัดน้ำฝนที่เราซื้อราคา 1,500 บาท เอาไป หาร 35 บาท
มันควรจะต้องใช้งานได้ดี อย่างน้อย 42 เดือน ถึงจะคุ้มเมือเทียบกับ ปรับเวลาที่ตัวเครื่องเอง
เเนะนำลองเอาไปคำนวณเเล้วตัดสินใจกันดูได้ว่า
ถ้าคุณซื้อ อุปกรณ์ตรวจจับน้ำฝน จะช่วยประหยัดกว่า หรือ เปล่า?
5. ปรับโปรเเกรมการรดน้ำที่ตัวเครื่องตั้งเวลา "ง่าย" ใช้เวลาน้อย กว่าไปติดตั้ง Rain Sensor เยอะ
เนื่องจากประเทศไทยมีฤดูกาลที่ค่อนข้างชัดเจน ทำให้การคาดการณ์ประเมินปรับเพิ่มลดระยะเวลาเปิดน้ำทำได้ง่าย
ปีหนึ่ง เราอาจจะตั้งค่าโปรเกรมเพียง 2 ครั้ง
1. หน้าฝน
2.หน้าหนาว กับ หน้าร้อน
การปรับค่าก็ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ยกตัวอย่าง ในกรณีเครื่องตั้งเวลาระบบถ่าน
- ระบบอนาล๊อค เพียงเเค่หมุนบิดลดเวลาจ่ายน้ำลงครึ่งหนึ่ง ใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาที เสร็จ
- ระบบดิจิตอล อาจจะใช้เวลา 1-5นาที ในการเเก้ไขลดเวลาปิดวาล์ว (ตั้ง Off Timer ของเเต่ละโปรเเกรมใหม่)
กรณีเครื่องตั้งเวลาระบบไฟฟ้า 11โซน รุ่นนี้มีฟังชั่น Water Budget ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ในการปรับ
ปรับเพิ่มลดปริมาณน้ำได้ตั้งเเต่ 10%-200% โดยไม่ต้องไปยุ่งกับโปรเเกรมที่ตั้งไว้
เครื่องจะคำนวณเวลาเปิดปิดน้ำ ตามสัดส่วนเปอร์เซนต์ที่เราตั้งที่ Water Budget ให้อัตโนมัติ
.
สุดท้ายก็เเล้วเเต่ความต้องการเลยนะครับ ทางร้านเพียงนำเสนอข้อมูลอีกมุม
ทางร้านอาจจะไม่ได้เน้นขายของอะไรมากมาย สินค้าที่คัดมาก็พยายามเลือกที่เหมาะสมกับการใช้งานของบ้านเราเป็นหลัก
ตัวไหนที่ทางร้านรู้สึกว่าเกินจำเป็น ก็อาจจะยังไม่ได้นำมาขาย ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
Water Timer Review
..
แนะนำ ส่วนบทความอื่นที่น่าสนใจ
แนะนำเดินระบบรดน้ำต้นไม้ ด้วยตัวเอง (สำหรับมือใหม่) : www.watertimerreview.com/article/109
วิธีคำนวณหัวพ่นจ่ายน้ำ สำหรับบ้านเรือน : www.watertimerreview.com/article/93
เเนะนำการเดินท่อPE สำหรับวางระบบน้ำ : www.watertimerreview.com/article/69
การเดินระบบสปริงเกอร์ Pop Up สำหรับบ้านเรือน : www.watertimerreview.com/article/92
เดินระบบหัวพ่นหมอก ลดความร้อน กรองฝุ่น ด้วยตัวเอง : www.watertimerreview.com/article/35
ระบบน้ำหยด(ท่อไมโคร PE 4มม) เหมาะพื้นที่เล็กๆ : www.watertimerreview.com/article/90
วิธีต่อพวงก๊อกน้ำ แบบไม่ต้องตัดท่อ PVC : www.watertimerreview.com/article/27
เเนะนำกรองเกษตร(กรองตะกอน) : www.watertimerreview.com/article/31
---
บทความเกี่ยวกับหัวพ่นหมอก
แนะนำหัวพ่นหมอกแต่ละประเภท : www.watertimerreview.com/article/101
เลือกหัวพ่นหมอกสำหรับลดฝุ่น : www.watertimerreview.com/article/107
พ่นหมอกยังไงไม่ให้พื้นเปียก : www.watertimerreview.com/article/106
แนะนำการเลือกซื้อชุดปั๊มพ่นหมอก : www.watertimerreview.com/article/120